“งาน วทท.เพื่อเยาวชน ครั้งที่ 8” สร้างแรงบันดาลใจให้นักวิทย์รุ่นใหม่ เกิดพลังเปลี่ยนสังคม
การประชุมวิชาการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อเยาวชน (วทท. เพื่อเยาวชน) ครั้งที่ 8 ใกล้เข้ามาทุกขณะแล้ว โดยจะจัดขึ้นในวันที่ 22 – 23 มีนาคม 2556 ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา กรุงเทพ ฯ
งาน วทท. เพื่อเยาวชน ครั้งที่ 8 นี้ จัดภายใต้แนวคิด “วิทยาศาสตร์และการสร้างสรรค์” โดยสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ร่วมกับคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) และสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมจัดกิจกรรมนี้ขึ้น
ดร. พรชัย อินทร์ฉาย ผู้อำนวยการสาขาพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และส่งเสริมการผลิตครูที่มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ (สาขา พสวท. และ สควค.) ของ สสวท. กล่าวว่า หากประเทศไทยพัฒนากำลังคนไม่เพียงพอต่อการพัฒนาประเทศ จะทำให้ไม่มีนวัตกรรม หรืองานวิจัย ที่จะแข่งขันกับต่างชาติได้เลย สสวท. จึงได้ริเริ่มจัดทำโครงการพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (พสวท.) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2527 เพื่อเป็นต้นแบบของการพัฒนาเยาวชนเพื่อให้เป็นนักวิทยาศาสตร์ จากนั้นได้ขยายวงพัฒนากำลังคนให้มากขึ้น โดยการจัดทำห้องเรียนพิเศษทั่วประเทศ ซึ่งร่วมกับ สพฐ. สวทช. และ สกอ. ซึ่งเป็นการขยายการผลิตนักวิทยาศาสตร์ นักวิจัยของไทย
นอกจากนี้ สสวท. ยังมี “ห้องเรียนพิเศษ” ในระดับมัธยมศึกษา เช่น ร.ร. มหิดลวิทยานุสรณ์ ร.ร.จุฬาภรณราชวิทยาลัย ซึ่งได้ผลิตกำลังคนด้านวิทยาศาสตร์มากขึ้น แม้ว่านักเรียนจะไปเรียนสาขาใด ๆ ก็อยากจะให้เป็นนักวิจัยด้วย เช่น เป็นวิศวกรที่สามารถผลิตชิ้นงานขึ้นมาเองได้ เรียกว่า วิศวกรนักวิจัย หรือ เป็นแพทย์นักวิจัย เป็นต้น จะทำให้เราเท่าทันและก็ไม่ต้องเสียเงินซื้อเครื่องมือมากมายที่นำมาใช้ในประเทศ
“งาน วทท. เพื่อเยาวชน ครั้งที่ 8 เริ่มต้นจากการที่ สสวท. เปิดเวทีให้นักเรียน นิสิต นักศึกษา ทุน พสวท. ได้นำเสนอผลงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ หลังจากนั้นได้เปิดโอกาสให้เยาวชนทุนอื่นๆ และเยาวชนทั้งไทยและต่างประเทศที่ไม่ใช่นักเรียนทุนแต่มีผลงานทางวิทยาศาสตร์ที่น่าสนใจเข้าร่วมนำเสนอผลงา น นอกจากนั้นภายในงานนี้ยังมีการบรรยายจากผู้ทรงคุณวุฒิ มีงานวิจัยที่เด่นๆ เชิงนวัตกรรม ความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งอยากให้เยาวชนและผู้สนใจได้ไปเห็นว่าพี่ๆ เขาคิดอะไรกัน แล้วทำให้เกิดผลงานที่ขายสู่ห้าง หรือสู่การพัฒนาเชิงเศรษฐกิจ สังคมในวงกว้างได้อย่างไร”
นอกจากนั้น ดร. พรชัย อินทร์ฉาย ยังกล่าวต่อไปว่า ผลงานวิจัยของเยาวชนที่มานำเสนอในงานนี้กว่า 400 ชิ้นงาน มีความหลากหลายมาก ซึ่งจะมีประโยชน์ตรงที่เยาวชนและผู้สนใจด้านนี้ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ ซึ่งจะเป็นการผลักดันและสร้างแรงจูงใจให้กลุ่มเยาวชนที่มีศักยภาพด้านวิทยาศาสตร์นี้ได้เขาเรียนต่อยอดสูงขึ้นไปเรื่อยๆ และคิดค้นหานวัตกรรมใหม่ขึ้นมา ซึ่งตรงนี้เป็นสิ่งที่ สสวท. ต้องการ
บางครั้งการทำผลงานบางชิ้น นักเรียนยังไม่รู้ว่าจะได้ประโยชน์อะไร แต่คนที่มาเห็นนั้น ได้ทำอุตสาหกรรมด้านนี้อยู่ เกิดความสนใจ ก็เกิดการขยายผลสู่อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เช่น โครงงงานไตปลาผง ของนักเรียนทุน พสวท. ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ศูนย์โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย ที่ได้ผลิตและส่งออกต่างประเทศแล้ว และถ้าเกิดแบบผลงานนี้มากขึ้น ประเทศก็จะมีการพัฒนาขึ้นในระยะยาว
ผศ. ดร. ว่าที่ร้อยตรีเจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ นักวิทยาศาสตร์ทางด้านชีววิทยา ที่ปรึกษาสมาคมนักเรียนทุนโครงการพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สทวท.) จากคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ประเทศไทยยังขาดนักวิทยาศาสตร์ทุกสาขาชัดเจน แต่ถ้าเราจะเป็นประเทศที่จะพุ่งไปข้างหน้าได้ และเป็นส่วนหนึ่งของ AEC รวมทั้งของโลก ต้องใช้นวัตกรรม ใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเข้ามาช่วย วันนี้ถ้าเราต้องการแข่งขันกับต่างประเทศ เราจะอยู่แบบเดิมๆ ไม่ได้ เราจึงต้องมีโครงการลักษณะนี้อีกมาก เพื่อสร้างคน และทำให้เขารู้ว่าเส้นทางนี้เป็นเส้นทางอาชีพ ไม่ใช่ว่าได้รับทุนและมาเรียนหนังสือเฉยๆ ต้องมีการสร้างผลงาน มาเจอเพื่อน และแลกเปลี่ยน มีการถกเถียงทางวิชาการ กระบวนการทั้งหมดนี้เป็นกระบวนการสร้างบรรยากาศ เราหวังว่า สุดท้ายในอีก 10 - 20 ปีข้างหน้า จะมีนักวิทยาศาสตร์ออกมาอีกมาก
และแม้ว่าผลงานต่างๆ ที่นำเสนอในงาน วทท. เพื่อเยาวชน จะยิ่งใหญ่เทียบเท่ากับผลงานวิจัยระดับโลก แต่ต่อไปในภายภาคหน้า เด็กๆ เหล่านี้จะเติบโตมาพัฒนาประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจ
“ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เวลาเกิดปัญหาในบ้านเมือง เริ่มเห็นว่านักวิทยาศาสตร์ออกมาตอบคำถามมากขึ้น เช่น เจองูประหลาดสีฟ้า หรือวันสิ้นโลก ซึ่งนักวิทยาศาสตร์สามารถให้คำตอบได้ วันนี้เราจะเห็นว่าวิทยาศาสตร์ไทยเข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ เราเริ่มตอบโจทย์ที่ซับซ้อนขึ้นได้ วิทยาศาสตร์เริ่มเป็นที่พึ่งได้ แต่กว่าที่วิทยาศาสตร์จะเป็นที่พึ่งของสังคมไทยได้นั้น ต้องเริ่มมาจากเด็กๆ ซึ่งเริ่มจากการเข้าค่าย ฝึกทำโครงงาน เรียนหนังสือ นำเสนองานวิจัย ที่น่าสนุกคือ การนำเสนองานวิจัยแบบนี้มาจากทั่วประเทศ ซึ่งจะทำให้เรามีเพื่อนอยู่ทั่วประเทศ มีเพื่อน มีเครือข่ายกัน ซึ่งเราหวังว่าจะเห็นภาพแบบนี้กับเด็กรุ่นใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นเรื่อยๆ”
ในส่วนของสมาคม สทวท. ต่อการผลักดันเยาวชนให้เดินไปในเส้นทางสายวิทยาศาสตร์ เราก็จะช่วยในมุมของการที่เป็นบัณฑิต พสวท. เป็นศิษย์เก่าที่มาร่วมแรงร่วมใจกันผลักดันเยาวชนให้เดินไปในเส้นทางสายวิทยาศาสตร์ ในหลายๆ กิจกรรม เช่น การเข้าร่วมงาน วทท. เพื่อเยาวชนในครั้งนี้ ก็ได้เข้ามาดำเนินงานในส่วนของการเป็นกรรมการตามห้องต่างๆ คอยชี้แนะ แนะนำ วิจารณ์ ติชม เพื่อนำไปสู่การพัฒนาแก้ไขผลงานของเยาวชนที่มานำเสนอในงานนี้ พร้อมทั้งจัดกิจกรรมอื่นๆ ของงาน เช่น แนะแนวการศึกษา การตัดสินรางวัลประกวดโปสเตอร์ ซึ่งสิ่งที่เราหวังจะเห็นคือ เราอยากให้น้องๆ กลับมาเป็นเหมือนเราบ้าง และต้องพัฒนามากขึ้นกว่าเรา
“วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นเรื่องของคนทั้งโลก ฉะนั้นไม่ใช่เพียงแต่นักเรียนทุนเท่านั้น อยากให้เด็กไทยเริ่มชอบวิทยาศาสตร์ ไปเรียนวิทยาศาสตร์ในต่างประเทศมากขึ้น และเป็นคนไทยคนหนึ่งที่ช่วยกันพัฒนาทั้งโลก วิทยาศาสตร์เป็นสิ่งที่อยู่รอบตัว เป็นสิ่งที่ท้าทายมาก มีเรื่องสนุกๆ อีกเยอะ ซึ่งจะทำให้เรามีอิสระทางความคิด สามารถคิด ค้น สร้างสิ่งต่างๆ ได้ เจอเรื่องใหม่ๆ ทุกวัน ทำให้เราสนุก และเกิดการเรียนรู้สิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบตัวได้ชัดเจนขึ้น วิทยาศาสตร์เป็นการเปลี่ยนแปลง และกระแสของโลกเปลี่ยนไปแล้ว ซึ่งเราจำเป็นต้องเรียนรู้สิ่งต่างๆ เหล่านี้ เพื่อให้รู้เท่าทัน”
ผศ. ดร. เชาวรีย์ อรรถลังรอง รักษาราชการแทนรองคณบดีฝ่ายวิชาการ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร เจ้าภาพร่วมจัดงาน วทท. เพื่อเยาวชนครั้งที่ 8 ซึ่งท่านเป็นนักวิทยาศาสตร์ ที่ได้รับทุนจากโครงการ พสวท. เช่นกัน และเป็นได้วิจัยสร้างงานวิจัยที่น่าสนใจหลายชิ้น กล่าวถึงบทบาทของ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ในฐานะที่เป็นเจ้าภาพร่วมจัดกับ สสวท. ได้จัดให้มีคณะกรรมการฝ่าย ต่างๆ ในการจัดงานดูแล ฝ่ายพิธีการ ฝ่ายประชาสัมพันธ์งาน และเตรียมงานจัดนิทรรศการที่น่าสนใจมากๆ ซึ่งมหาวิทยาลัยศิลปากรมีชื่อเสียงโดดเด่นอยู่แล้วในทางด้านการสร้างสรรค์ และบางคนอาจจะคิดว่าวิทยาศาสตร์กับศิลปะสร้างสรรค์เป็นคนละส่วนกัน แต่จริงๆ เป็นเรื่องเดียวกัน เชื่อมโยงและส่งเสริมกัน วิทยาศาสตร์และการสร้างสรรค์ต้องไปด้วยกัน ซึ่งวิทยาศาสตร์ต้องอาศัยการสร้างสรรค์ และศิลปะการสร้างสรรค์ก็ต้องอาศัยวิทยาศาสตร์
“วิทยาศาสตร์มีส่วนส่งเสริมพัฒนางานวิจัยที่เชื่อมโยงสร้างคุณค่าต่อการใช้งานที่เป็นประโยชน์ต่อชีวิตประจำวัน การที่เราได้ผ่านกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ที่ถูกต้อง ทำให้เวลาที่เรามองและการแก้ปัญหาเป็นระบบระเบียบมากยิ่งขึ้น วิทยาศาสตร์สามารถใช้ประโยชน์ได้กับทุกอย่างในชีวิตประจำวัน การกินอยู่ เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม การประกอบอาชีพ ไม่เฉพาะอาชีพวิศวกรรม แพทย์ ยังรวมไปถึงการทำเกษตรกรรมด้วย”
สำหรับคุณสมบัติทั่วไปของการเป็นนักวิจัยนั้น เยาวชน ต้องมีความสนใจในสิ่งรอบตัว การเป็นนักวิจัยต้องเริ่มจากการเป็นคนช่างสังเกต อยากรู้อยากเห็น พร้อมกับการมุ่งมั่นค้นคว้าหาคำตอบ และเด็กๆ คนไหนอยากเรียนวิทยาศาสตร์ ก็มีทุนต่างๆ ที่ส่งเสริมในการเรียนวิทยาศาสตร์ เช่น ทุน โครงการ พสวท. ทุนเรียนวิทยาศาสตร์ ทุนของมหาวิทยาลัย ต่างๆ ในคณะวิทยาศาสตร์
“งาน วทท. เพื่อเยาวชน ครั้งที่ 8 นี้ ตั้งใจจัดขึ้นสำหรับเยาวชนให้มานำเสนอผลงาน ได้แสดงออก ให้เห็นเชิงประจักษ์ เกิดแรงบันดาลใจและแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเพื่อนๆ และนักวิชาการท่านอื่นๆ นอกจากนั้นยังมุ่งให้เยาวชน และประชาชนที่มาชมผลงานได้เกิดแรงบันดาลใจ และได้เห็นความเป็นจริงของวิทยาศาสตร์ ว่ามีความน่าสนใจ มีความสนุก น่าค้นหา มีความสวยงาม มีศิลปะ มาผสมผสานกัน วิทยาศาสตร์เป็นเรื่องใกล้ตัว พิสูจน์ได้ และอยากให้สังคมเราคิดอย่างเป็นระบบ แบบวิทยาศาสตร์ ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีมาก” ผศ. ดร. เชาวรีย์ อรรถลังรอง กล่าวทิ้งท้าย
ทั้งนี้ ขอเรียนเชิญผู้สนใจเข้าร่วมงาน วทท. เพื่อเยาวชน ครั้งที่ 8 ในวันที่ 22 – 23 มีนาคม 2556 ที่ไบเทค บางนา ผู้สนใจสามารถเข้าร่วมงานได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในการเข้าชมนิทรรศการและฟังการบรรยายพิเศษต่าง ๆ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.dpstcenter.org/stt4youth/ หรือ โทร. 0-2335-5222