เป็นที่ทราบกันดีว่า.. การแบ่งโครงสร้างภายในโลกตามองค์ประกอบทางเคมี โดยพิจารณาจากธาตุและสารประกอบทางเคมีที่เป็นองค์ประกอบหลักของแต่ละชั้น สามารถแบ่งได้เป็น 3 ชั้น ได้แก่ เปลือกโลก เนื้อโลก และแก่นโลก
การแบ่งโครงสร้างภายในโลกนอกจากจะใช้ข้อมูลจากองค์ประกอบทางเคมีแล้ว นักวิทยาศาสตร์ยังมีการใช้คลื่นแผ่นดินไหวหรือคลื่นไหวสะเทือน (seismic wave) มาใช้ศึกษาโครงสร้างภายในโลก ซึ่งเป็นการศึกษาโครงสร้างภายในโลกตามสมบัติเชิงกล
จากการศึกษาความเร็วของคลื่นไหวสะเทือนที่เปลี่ยนไปในแต่ละระดับความลึกภายในโลก ทำให้นักวิทยาศาสตร์พบว่าองค์ประกอบต่าง ๆ ภายในโลกไม่ได้เป็นเนื้อเดียวกัน และได้แบ่งโครงสร้างภายในโลกออกเป็น 5 ชั้น จากผิวโลกสู่ใจกลางโลก ได้แก่ ธรณีภาค ฐานธรณีภาค มัชฉิมภาค แก่นโลกชั้นนอก และแก่นโลกชั้นใน ซึ่งแต่ละชั้นมีสมบัติแตกต่างกัน
การศึกษาโครงสร้างภายในโลกมีบทบาทสำคัญในการทำความเข้าใจกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยาต่าง ๆ เช่น การเกิดแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด ความเข้าใจเหล่านี้สามารถนำไปใช้ในการวิเคราะห์ พยากรณ์ และวางแผนรับมือกับธรณีพิบัติภัยต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ การเข้าใจโครงสร้างภายในโลกยังเป็นพื้นฐานสำคัญในการสำรวจและการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ การวางแผนการใช้พื้นที่ได้อย่างเหมาะสม อีกทั้งความรู้เหล่านี้ยังสามารถเชื่อมโยงกับศาสตร์แขนงอื่น เช่น วิศวกรรมศาสตร์ พลังงาน และสิ่งแวดล้อม ซึ่งล้วนมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาโลกอย่างยั่งยืนในอนาคต
อ้างอิง :
- หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เล่ม 2 ตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (หน่วยที่ 7 โลกและการเปลี่ยนแปลง)
- หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (หน่วยที่ 2 กระบวนการเปลี่ยนแปลงภายในโลก)