ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ (ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศ ปีพ.ศ.2564 – 2580 เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 โดยให้ สสวท. กระทรวงศึกษาธิการ และ สำนักงานโยบายการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นหน่วยงานหลักในการประสานงาน และให้อำนาจในการติดตามและขับเคลื่อนการดำเนินงาน ให้เหมาะสม นั้น สสวท. และ สอวช. ได้วางแผนดำเนินการตามแผนงาน ซึ่งมีเป้าหมายผลิตนักวิทยาศาสตร์และนักวิจัย ปีละ 4,000 คน เพื่อป้อนเข้าสู่ภาคส่วนต่าง ๆ ของประเทศทั้งภาครัฐและเอกชนอย่างครบวงจรการพัฒนา เดินหน้าสร้างนวัตกรรมเป็นผลผลิตที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจและแข่งขันได้อย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ สสวท. ยังมีความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ได้แก่ สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรมเพื่อช่วยกันขับเคลื่อน (ร่าง) แผนปฏิบัติการฯ ดังกล่าว
และเพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว จึงได้วางยุทธศาสตร์ที่ 1 ในการพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษฯ ตั้งแต่ระดับปฐมวัย การศึกษาขั้นพื้นฐานและระดับอาชีวศึกษา โดยยกระดับความสามารถทุกระดับให้เต็มศักยภาพพัฒนาระบบสนับสนุนการเรียนรู้อย่างเต็มประสิทธิภาพ รวมทั้งผลิตและส่งเสริมเครือข่ายวิชาชีพครู
ยุทธศาสตร์ที่ 2 ซึ่งดำเนินการควบคู่กันคือ พัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษฯ ระดับอุดมศึกษาโดยมุ่งยกระดับปริญญาตรี และบัณฑิตศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี ให้มีศักยภาพสูงสอดคล้องกับความต้องการของประเทศ
ยุทธศาสตร์ที่ 3 คือการส่งต่อผู้มีความสามารถพิเศษฯ เข้าปฏิบัติงานในหน่วยงานวิจัยและนวัตกรรม ต่อยอดให้มีความพร้อมในการเป็นนักวิจัยฝีมือดี พัฒนาองค์ความรู้สร้างผลผลิตที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต แก้ปัญหาและสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้
ยุทธศาสตร์ที่ 4 คือการสร้างเส้นทางอาชีพ สภาพแวดล้อมและมระบบสนับสนุนที่เหมาะสมให้นักวิจัยรุ่นใหม่เป็นอาชีพที่มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาภาคเศรษฐกิจและสังคมด้วยฐานความรู้
สำหรับยุทธศาสตร์ที่ 5 จะเน้นไปที่กลไกการบริหารการพัฒนาให้ผู้มีความสามารถพิเศษฯ มีทิศทางในการทำงานที่สอดคล้องกับแผนพัฒนากำลังคนของประเทศ โดย สสวท. และ สอวช.จะเป็นหน่วยงานกลางในการประสานงานรวบรวมข้อมูลของประเทศ เพื่อให้มีข้อมูลที่สอดคล้องกับความต้องการและครอบคลุมกับความต้องการของอุตสาหกรรมอนาคต
“เป็นภารกิจสำคัญที่ต้องขับเคลื่อนร่วมกันอย่างครบวงจรตั้งแต่ระดับปฐมวัยจนถึงระดับสูง เพราะ นักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย และนวัตกร คือกลจักรสำคัญในการคิดค้นพัฒนาผลผลิต กระบวนการและบริการใหม่ ๆ ที่มีจุดเด่นและแตกต่าง ให้ตอบโจทย์ความต้องการยุคดิจิทัลซึ่งเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ส่งให้เศรษฐกิจไทยสามารถพึ่งพาตนเองและแข่งขันได้ในโลกยุค 4.0” ผู้อำนวยการ สสวท. กล่าว