
ดร.พิณนรี ธีร์มกร ทิ้งท้ายไว้ให้น้อง ๆ ที่เข้าค่ายโอลิมปิกวิชาการในงานปฐมนิเทศนักเรียนในการอบรมคัดเลือกรอบแรกซึ่งจัดโดยสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.)
ดร.พิณนรี เป็นอาจารย์และผู้เชี่ยวชาญด้านกลยุทธ์ปัญญาประดิษฐ์ สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อดีตผู้แทนประเทศไทยวิชาเคมี 2 ปี ซ้อน โดยได้รับเหรียญเงินในปี พ.ศ. 2552 และเหรียญทอง ในปี พ.ศ. 2553 โดยทำคะแนนในภาคทฤษฎีได้สูงที่สุด จบการศึกษาในสาขาวิศวกรรมไฟฟ้าจากมหาวิทยาลัยแสตนฟอร์ด ประเทศสหรัฐอเมริกา
ความสำเร็จอยู่แค่เอื้อม….จริงหรือ???
ความสำเร็จในความหมายของแต่ละคนอาจนิยามไม่เหมือนกัน สำหรับบางคนการได้เป็นผู้แทนประเทศไทยไปแข่งขันโอลิมปิกวิชาการก็อาจเป็นเป้าหมายหนึ่งของชีวิต หากแต่หลาย ๆ คน ก็อาจมีเป้าหมายที่แตกต่างกันไป กว่าจะถึงวันที่ได้เป็นผู้แทนประเทศไทยนั้น จำเป็นต้องอาศัยความอดทน ความมีวินัย ความขยันเคล็ดลับการเตรียมตัวในการเป็นผู้แทนก็อาจใช้เป็นแนวทางหรือแรงกระตุ้นให้เราเอื้อมไปหาความสำเร็จที่ตั้งเป้าไวได้เช่นกัน มาดูซิว่า คนเก่งเค้ามีวิธีการเรียนหนังสือกันอย่างไร อะไรนะที่เราจะเอาไปปรับใช้ได้บ้าง
เคล็ดลับผู้แทน
- ตั้งใจเรียนหนังสือ ในระหว่างเข้าค่าย อาจารย์ตั้งใจเรียนในห้องเป็นอย่างมาก และเมื่อมีคำถาม ต้องถามทันที อย่าปล่อยผ่านไป เพราะข้อได้เปรียบของการเรียนในชั้นเรียนคือมีอาจารย์ช่วยสนับสนุนการเรียนของเรา
- มีวินัย มีตารางอ่านหนังสือที่ชัดเจน ตั้งใจอ่านอย่างเต็มที่ โดย “ไม่อดนอน”
- อ่านหนังสือให้มาก และขยันทำแบบฝึกหัด อาจารย์ชอบอ่านตำราวิชาการภาษาอังกฤษ หรือที่เรียกว่า Textbooks เพราะรู้สึกว่าอ่านแล้วสนุก อ่านแล้วเข้าใจ สีสวยน่าอ่าน
- พูดคุยกับรุ่นพี่ ให้แนะนำหนังสือที่น่าสนใจแล้วก็อ่านตาม
- แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเพื่อน ประกอบกับเพื่อนร่วมค่ายเป็นเพื่อนที่น่ารักที่ “ช่วยกันเรียน” ถ้าจะให้ดียิ่งขึ้นคือให้สอนเพื่อน เพราะการอธิบายให้เพื่อนฟังได้ นั่นหมายความถึง เราเองก็ต้องเข้าใจสิ่งนั้นอย่างลึกซึ้ง เราจึงจะสามารถอธิบายให้ผู้อื่นเข้าใจได้ และนอกจากนั้น การสอนเพื่อนจะทำให้เราเข้าใจเนื้อหานั้น ๆ มากยิ่งขึ้นด้วย
- ฝึกซ้อมทักษะการใช้เครื่องมือด้วยตนเอง เคล็ดลับของอาจารย์คือ อาจารย์มีบีกเกอร์ บิวเรตต์ ปิเปตต์ที่เป็นของส่วนตัว ที่สามารถนำมาฝึกซ้อมได้บ่อยตามที่ตนเองต้องการ หัดตวงกับน้ำเปล่า แอบกระซิบว่า ในการสอบภาคปฏิบัตินั้น ต้องอ่านโจทย์ทั้งหมด ทำความเข้าใจ แล้วต้องวางแผน แล้วจึงลงมือปฏิบัติ ซึ่งถ้าเราใช้เครื่องมือคล่อง เราจะมีความเชื่อมั่น และปฏิบัติได้คล่องแคล่วยิ่งขึ้น (ศึกษาเรื่องความปลอดภัยและทักษะในปฏิบัติการเคมีได้จากหนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติม เคมี ม. 4 เล่ม 1 https://proj14.ipst.ac.th/m4-6-chem/m4-chem-book1/)
- ทำข้อสอบ (เคมี) โอลิมปิกปีเก่า ๆ ทั้งหมด สำหรับตัวอาจารย์เองนั้น เริ่มฝึกฝนทำข้อสอบตั้งแต่เริ่มเข้าค่าย เพื่อให้ได้ประสบการณ์ ได้เรียนรู้สนามสอบไปในตัว ซึ่งวิธีการนี้ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับการสอบในทุก ๆ สนาม การฝึกฝนทำข้อสอบมาก ๆ จะทำให้เราจับแนวข้อสอบได้ ทำให้รู้ตัวเองว่า เราไม่รู้อะไร ต้องแก้ไขหรือฝึกฝนเพิ่มเติมที่จุดใด และยังเป็นการเปิดโอกาสให้เราได้ฝึกประยุกต์ใช้ความรู้ที่ได้เรียนมาในการทำข้อสอบ
- ปัจจัยสำคัญของการเข้าสอบในทุก ๆ สนามสอบคือ “ความสบายใจ” อย่าเครียดมากตอนไปเข้าสอบ เพราะมั่นใจได้ว่า เราได้อ่านมามากแล้ว อย่ากดดันตัวเองว่าจะต้องให้ได้เหรียญทอง อย่ากังวลมาก ให้ถือว่าเป็น “journey” ของเรา เพราะชีวิตคือการเดินทางนั่นเอง (Life is journey) แต่อย่างไรก็ตาม เราอาจยอมให้ตัวเองมีความเครียดได้บ้าง แต่อย่ามากเกินไป เพราะความเครียดที่พอเหมาะ ช่วยให้สมรรถนะในการทำงานนั้น ๆ ดีขึ้น (อ่านเรื่อง “ความเครียดที่พอเหมาะ คือแรงผลักดันให้ประสบความสำเร็จ” https://www.ipst.ac.th/knowledge/81680/nov_stress.html)
- ทำตัวเป็น “ฟองน้ำ” นั่นคือ ซึมซับประสบการณ์จากการเข้าค่ายให้ได้มากที่สุด แม้จะไม่ได้เป็นผู้แทนประเทศไทยก็ตาม เพราะการเรียนรู้ต่าง ๆ ในค่ายทั้งเนื้อหาวิชาการและการใช้ชีวิตในค่ายจัดได้ว่าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับเราเพื่อต่อยอดต่อไป
- การได้เป็นผู้แทนประเทศไทยไปแข่งขันยังต่างประเทศเป็นแรงจูงใจอย่างหนึ่ง และเมื่อถึงจุดนั้นแล้ว เราจะไม่อยากทำพลาดที่จะทำให้ตนเองเสียใจในภายหลังแม้แต่นิดเดียว จึงควรทำให้ดีที่สุด
- แม้เราจะเตรียมตัวอย่างดีที่สุดแล้ว แต่โอกาสพลาดก็เกิดขึ้นได้ ก็ให้เรียนรู้กับเรื่องนั้น ๆ และจงรู้ไว้เถอะว่า ในชีวิตเรายังมีเรื่องที่ต้องพบเจออีกเยอะ ดังนั้น ความผิดพลาด ไม่สมหวังเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่พอผิดพลาดแล้วต้องเรียนรู้และลุกขึ้นมาเดินต่อให้ได้
- สุดท้ายที่อยากฝากน้อง ๆ ไว้ในเรื่องการใช้ชีวิต ให้วางแผนและประเมินตนเอง โดยเน้น “ความสุข” อาจารย์เป็นผู้แทนวิชาเคมี แต่เลือกเรียนวิศวะไฟฟ้า ปัจจุบัน อาจารย์ทำงานด้าน AI เพราะอาจารย์ประเมินจากปัจจัยรอบด้าน “เลือกจากสิ่งที่เราชอบ” หรือ “เลือกจากสิ่งที่ทำให้เราอยู่รอด”
- อาจารย์ทิ้งท้ายว่า ชีวิตทุกคนมีข้อจำกัด ไม่ได้สวยงามเสมอไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราเติบโตขึ้น ชีวิตไม่ได้สวยงาม ดังนั้น เราต้องพยายามทำให้ดีที่สุดในข้อจำกัดของเรา อะไรในชีวิตที่ไม่ได้อย่างใจเรา ขอให้ระลึกไว้เสมอว่า ชีวิตไม่ได้จบเพียงเท่านี้ ยังมีเส้นทางอื่น ๆ ให้เราก้าวเดินไปข้างหน้าเสมอ
ทุกคนคงแปลกใจที่ นอกจากอาจารย์จะมีความเชี่ยวชาญในหลาย ๆ ศาสตร์แล้ว อาจารย์ยังดูมีท่าทีที่จะเข้าใจการใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข และสามารถบอกกล่าวให้เป็นแนวทางเพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นได้ด้วย แต่ก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะในขณะเรียนหนังสือ อาจารย์ไม่ได้เลือกเรียนเฉพาะสาขาที่เกี่ยวข้องกับวิชาเคมี คอมพิวเตอร์ หรือไฟฟ้าเท่านั้น หากแต่อาจารย์ยังเลือกลงเรียนวิชาที่เกี่ยวข้องกับจิตวิทยาอีกด้วย
ย้อนกลับไปที่ “Keep Learning to beat Machine Learning” อย่าให้ “AI” ฉลาดกว่าใจที่ใฝ่เรียนรู้ หรือพูดง่าย ๆ ก็คืออย่าหยุดการเรียนรู้เพื่อสู้กับ AI นั่นเอง เพราะ AI กับ machine learning พัฒนาและเปลี่ยนแปลงเร็วมาก เราเลยต้องเรียนรู้ตลอดเวลา อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ไม่น่าแปลกใจเลยใช่ไหมที่อาจารย์เป็นผู้แทนประเทศไทยวิชาเคมีที่ทำคะแนนภาคทฤษฎีได้สูงที่สุด เราล่ะ ได้เรียนรู้อะไรที่จะเอาไปปรับใช้กับตัวเองได้บ้าง เริ่มต้น อ่านหนังสือเพิ่มกันวันละนิดละหน่อยดีไหม หากยังไม่รู้จะเลือกหนังสืออะไรอ่านดี ติดตามเฟซบุ๊ก IPST Thailand (https://www.facebook.com/ipst.thai) ที่มีเนื้อหาวิทยาศาสตร์ง่าย ๆ บางเรื่องอาจทำให้เราได้ค้นพบตัวเองก็เป็นได้นะ