วิทยากร : Mr.Glen D. Westbroek ; Award-winning Science Teacher, Orem Junior High School, Utah, USA
- Milken Family Foundation Recipient
- Presidential Award for Excellence in Math and Science Education
- Utah Governor’s Medal for Science and Technology
- UtSTA D. Peterson Lifetime Achievement Award
ตอนที่ 1/3
เทคนิคที่ใช้เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้แบบ Active Learning (สรุปเนื้อหาจาก Online Seminar เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2566 หัวข้อ Active Learning : From Principles to Practice)
Mr.Glen Westbroek ได้นำเสนอรูปแบบหรือเทคนิคที่วิทยากรได้ใช้ในห้องเรียนวิทยาศาสตร์ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ให้ผู้เรียนได้เกิดการเรียนรู้แบบ Active learning ได้แก่
1. การกระตุ้นหรือเร้าความสนใจของผู้เรียน
2. การแลกเปลี่ยนความคิดระหว่างกัน (Pair and Share) หรือการเรียนรู้แบบคู่คิด Think-pair-share เทคนิคเพื่อนคู่คิด
3. การใช้การอภิปรายกลุ่ม (Group discussion)
4. การให้ตัวเลือก (Choice example)
5. รูปแบบอื่น ๆ
ตอนที่ 2/3
ประสบการณ์การจัด Active Learning เพื่อกระตุ้นการเรียนรู้เชิงรุกในห้องเรียนจริง ซึ่งวิทยากรได้เล่าประสบการณ์การจัดการเรียนรู้ในห้องเรียนดังนี้
บทบาทของครูในช่วงการเริ่มต้นชั้นเรียน : วิทยากรเริ่มต้นจากการกระตุ้นความสนใจของนักเรียนโดยใช้รูปถ่าย วีดิทัศน์ ที่พบทั่ว ๆ ไปในชีวิตประจำวัน หรือเป็นภาพหรือวีดิทัศน์ที่ไม่เคยพบเห็น หรือ ต้องคิดเพิ่มเติมต่อ หรือชวนให้สงสัย ตัวอย่างคำถามที่วิทยากรใช้ ระหว่างให้นักเรียนดูรูปภาพแล้วตอบคำถามภายในเวลาที่กำหนด เช่น
- What are you observing? นักเรียนกำลังดูรูปภาพของอะไร
- What are you noticing? นักเรียนได้ข้อสังเกตอะไรบ้าง
- What did you wonder? นักเรียนรู้สึกประหลาดใจกับอะไร
- What is it that you want to know more about based on that picture? หลังจากดูภาพแล้วนักเรียนอยากรู้อะไรอีกบ้างแต่ต้องเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เห็นในภาพ
นอกจากการตอบคำถามแล้ว วิทยากรแนะนำว่าครูสามารถใช้การจับคู่ (Pair and share) กับเพื่อนเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับภาพภายในเวลาที่กำหนด หลังจากที่นักเรียนสนใจสงสัยใคร่รู้แล้วนอกจากการตอบคำถามนักเรียนของวิทยากรแล้ว วิทยากรยังได้เพิ่มเติมว่า หลังจากแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างคู่ของตนเองแล้วทั้งห้องเรียนจะพูดคุยแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนั้น ๆ การใช้การอภิปรายกลุ่ม (Group discussion) เป็นอีกหนึ่งวิธีที่วิทยากรนำมาใช้ โดยวิทยากรใช้โอกาสที่นักเรียนกำลังสนใจให้นักเรียนนำเสนอ โดยนักเรียนจะเริ่มต้นโดยใช้คำพูดว่า
I notice…………… ฉันพบว่า
I wonder ………….. ฉันสงสัยว่า
ในระหว่างการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น นักเรียนอาจเลือกใช้คำศัพท์ที่ไม่ถูกต้อง แนวความคิดไม่ตรงกับคำตอบแต่ในช่วงนี้วิทยากรให้คำแนะนำว่า ยังไม่ควรแก้ไขคำศัพท์หรือข้อความทันที เพื่อให้นักเรียนรู้สึกสบายใจ กล้าแสดงออกและมั่นใจกับสิ่งที่พูดหรือแสดงความคิดเห็นต่อไป ในบางครั้งคำตอบของนักเรียนก็ทำให้วิทยากรประหลาดใจและไม่เคยคิดมาก่อน
บทบาทของครูระหว่างการทำกิจกรรม : สิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนั้นเป็นสิ่งที่วิทยากรพยายามมากที่สุด คือเมื่อนักเรียนถามวิทยากรว่าคำตอบคืออะไร วิทยากรจะตอบกลับทันทีว่า “ครูไม่ทราบ และนักเรียนล่ะทราบไหม” นักเรียนจะยิ่งสงสัยและพยายามที่จะหาคำตอบเหล่านั้น แต่ก็มีบ้างที่วิทยากรต้องช่วยแนะนำการหาคำตอบให้นักเรียนแต่ไม่ได้บอกคำตอบ การให้ตัวเลือก (Choice example) เป็นอีกหนึ่งวิธีที่วิทยากรนำมาใช้ในห้องเรียน คือการให้ตัวเลือกให้นักเรียนได้ตัดสินใจ เพราะเมื่อนักเรียนได้เลือกเอง เป็นหน้าที่ของตนเองที่จะหาคำตอบ ทำให้นักเรียนเป็นผู้เรียนรู้ไม่ใช่ผู้ฟังอย่างเดียว นอกจากนี้ในระหว่างการทำกิจกรรมวิทยากรจะใช้คำถามกระตุ้นเพื่อที่จะให้นักเรียนได้สังเกตอย่างละเอียดละออและเกิดกระบวนคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผล ตัวอย่างคำถามเช่น
- What did you observe? นักเรียนสังเกตเห็นอะไร
- Why do you think that happened? นักเรียนคิดว่าสิ่งที่เห็นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร
- What do you think happened that you could not see? นอกจากสิ่งที่นักเรียนเห็นนั้นมีอะไรเกิดขึ้นอีกบ้าง
- What could you do next? นักเรียนจะทำอะไรต่อไปอีก
- Why do you think that? ทำไมนักเรียนถึงคิดแบบนั้น
ไม่เพียงแต่การใช้คำถามแต่วิทยากรจะพานักเรียนใช้ข้อมูลหลักฐานที่ได้จากการทดลองมาอธิบายเหตุผล ความสัมพันธ์ เพื่อหาความสอดคล้องกับคำกล่าวอ้างและข้อสันนิษฐานได้อย่างไร
หลังทำกิจกรรม : วิทยากรจะใช้คำถาม เช่นWhat do you still wonder? นักเรียนยังมีข้อสงสัยอะไรเพิ่มอีก
บทบาทของครูในช่วงสรุปผลการทำกิจกรรม : วิทยากรได้แนะนำให้นักเรียนเริ่มต้นโดยใช้ประโยคเช่น ฉันเห็นด้วย เพราะ…….. I agree with you because…………..หรือ ไม่เห็นด้วย เพราะ ………….I disagree with you because ……………….
หลังจากนักเรียนนำเสนอแล้ววิทยากรอาจจะใช้คำถามเพิ่มเติม เช่น
- Can you clarify ……………….. นักเรียนช่วยอธิบายเรื่อง…….ให้กระจ่างขึ้นได้ไหม
- Can you explain …………..….. นักเรียนช่วยอธิบายเรื่อง……….ได้ไหม
- Did you consider ……………. นักเรียนได้ใช้เรื่อง………..มาพิจารณาด้วยหรือไม่
- Could you also include ……… นักเรียนช่วยนำ…………… เข้าไปได้รวมด้วยได้หรือไม่ หากรวมแล้วจะเป็นอย่างไร
แต่หากนักเรียนตอบไม่ได้ วิทยากรจะกระตุ้นนักเรียนใช้ข้อมูลที่ได้จากการทดลองมาอธิบาย และหากการทดลองที่นักเรียนทำผิดพลาด ล้มเหลวจนไม่สามารถหาคำตอบได้ วิทยากรจะสอบถามนักเรียนเรื่องสาเหตุที่ทำให้การทดลองล้มเหลว หากมีเวลาจะแก้ไขจะแก้ไขอย่างไรแทนการต่อว่าที่นักเรียนไม่สามารถหาคำตอบได้
สิ่งสุดท้ายที่วิทยากรทำในช่วงจบกิจกรรมคือ การตรวจสอบความรู้ความเข้าใจของนักเรียน โดยวิทยากรใช้ กฎ 5 นิ้ว คือการใช้จำนวนนิ้วบอกความระดับความเข้าใจของนักเรียน หรือ การอธิบายโดยใช้คำ 10 คำ
วิธีการอื่น ๆ ที่วิทยากรนำมาใช้ในห้องเรียน เช่น
- การใช้วีดิทัศน์ โดยวิทยากรใช้ภาพ ที่ตัดมาจากวีดิโอ มาให้นักเรียนลองคาดการณ์จากสิ่งที่เห็น จากนั้นวิทยากรให้นักเรียนดูวีดิทัศน์ โดยไม่เปิดเสียงอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นเปรียบเทียบสิ่งที่คาดการณ์กับสิ่งที่เห็น
- การใช้คลิปเสียง โดยวิทยากรการเปิดเสียงให้นักเรียนฟัง แล้วคาดการณ์สิ่งที่ทำให้เกิดเสียง
- การใช้จังหวะและการเคลื่อนไหว โดยวิทยากรให้โจทย์คำถามกับนักเรียน จากนั้นให้ช่นบรือคิดจากหลักางคำถาม เช่น
- ้น่า ยังไม่ควรแก้ไขคำนักเรียนที่ตอบแบบที่ 1 ให้เดินมาอยู่ฝั่งซ้าย หากตอบข้อที่ 2 ให้อยู่ฝั่งตรงข้าม จากนั้นให้แต่ละกลุ่มช่วยกันแสดงความคิดเห็นโดยใช้หลักฐาน ข้อมูล และหากเจอหลักฐานสนับสนุนบางครั้งที่ไม่ตรงกับคำตอบของตนก็สามารถเปลี่ยนคำตอบโดยย้ายตำแหน่งได้
- Provide different perspective การใช้มุมมอง/ แนวคิด/ ทัศนคติที่แตกต่าง ในการกระตุ้นความสนใจของนักเรียน
ตอนที่ 3/3
สิ่งที่สำคัญมากในการจัดการเรียนแบบ Active learning
- การมีส่วนร่วมของนักเรียน
- ครูต้องอดใจรอคำตอบจากนักเรียน
- ครูต้องคอยกระตุ้นให้นักเรียนตอบหรือคิดจากหลักฐานที่มี
การเตรียมตัวสำหรับการสอน
วิทยากรได้แลกเปลี่ยนสิ่งที่ครูผู้สอนควรเตรียมในการจัดการเรียนการสอนในชั้นเรียน ดังนี้
- รูปภาพ วีดิทัศน์ที่น่าสนใจสามารถกระตุ้นความสนใจของนักเรียนได้
- การจัดการเวลา วิทยากรวางแผนระยะเวลาในการทำกิจกรรมโดยในแผนจะระบุเวลาที่ต้องให้นักเรียนสำหรับคิด โดยมีนาฬิกาจับเวลาช่วยควบคุมเวลา สำหรับเวลาที่วิทยากรกำหนดไว้ให้นักเรียนได้ลองคิดส่วนมากจะเป็นหลักวินาที เช่น 20 30 45 วินาที ขึ้นกับความยากง่าย แต่สามารถเพิ่มเวลาได้สำหรับเรื่องที่ยาก
- แผนการสอน ซึ่งแผนการสอนของวิทยากรที่มีทั้งคำถามและคำตอบ เนื่องจากการคาดการณ์คำตอบล่วงหน้าจะช่วยให้ออกแบบคำถามที่เป็นลำดับได้ดี
จุดเด่นที่ครูควรทำ
- กล่าวคำขอบคุณ เมื่อนักเรียนให้คำตอบหรือแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
- อดทนรอคำตอบจากนักเรียน
- กระตุ้นให้นักเรียนคิดและลงมือทำหลายครั้ง ๆ โดยนำสิ่งที่ล้มเหลวมาปรับปรุง
- สิ่งที่ได้จากการเรียนไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้อง แต่เป็นความเข้าใจที่มาจากการเรียนรู้
- กระตุ้นให้นักเรียนใช้ข้อมูลที่ได้จากการทดลองมาตอบคำถาม
- กระตุ้นให้นักเรียนอธิบายสิ่งที่ได้เรียนรู้ด้วยคำพูดของตนเอง
- ช่วยให้นักเรียนเรียนรู้ในระดับที่ลึกขึ้นไม่จำเป็นต้องรู้ทุกอย่างแต่รู้ให้ลึกในสิ่งที่นักเรียนสนใจ
ประโยชน์การเรียนรู้แบบ Active learning
- นักเรียนมีความสุขในการเรียน วิทยากรสังเกตจากนักเรียนของตนเองมาเรียนเร็วขึ้นเพื่อให้มีเวลาสำหรับคิดมากขึ้น
- นักเรียนได้หาคำตอบจากตนเองจากสิ่งที่ตนเองสนใจ จนเกิดเป็นความรู้ ความเข้าใจ
- นักเรียนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้
- นักเรียนได้รับการปรับทัศนคติจากการความเบื่อในการเรียนเป็นความสนุกสนใจในการเรียน ทำให้ประสบความสำเร็จในอาชีพ (วิทยากรได้เล่าประสบการณ์ของนักเรียนที่เคยสอนว่ากิจกรรมของท่านเป็นแรงบันดาลใจในการเรียน ทำให้ได้เป็นพยาบาลตามความฝันของตน)