ส่องอาหารเจ เทศกาลกิจเจ อิ่มท้อง อิ่มใจ ได้บุญ

เทศกาลกินเจจัดขึ้นประมาณเดือนตุลาคมของทุกปี นับเป็นเทศกาลใหญ่เทศกาลหนึ่งในประเทศไทยที่มีการจัดงานในหลายจังหวัด โดยมีกำหนดเวลาเทศกาลกินเจรวม 9 วัน กำหนดจากวันตามจันทรคติที่เริ่มต้นเมื่อวันขึ้น 1 ค่ำ ถึง ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 9 ตามปฏิทินจีน ในความหมายทางพุทธศาสนานิกายมหายาน สำหรับคำว่า “เจ” มีความหมายเช่นเดียวกับคำว่า “อุโบสถ” โดยการกินเจหมายถึงการรับประทานอาหารก่อนเที่ยงวัน เช่นเดียวกับการที่ชาวพุทธในไทยถืออุโบสถศีลโดยไม่รับประทานอาหารหลังเที่ยงวัน

อย่างไรก็ตาม การถืออุโบสถศีลของชาวพุทธมหายานนั้นรวมถึงการงดเว้นจากการบริโภคเนื้อสัตว์ด้วย จึงได้นำการไม่กินเนื้อสัตว์มาผนวกเข้ากับการกินเจ กลายเป็นการถือศีลกินเจ ที่นอกจากจะละเว้นเนื้อสัตว์แล้วยังต้องรักษาศีลธรรมอันดีงามด้วย สำหรับผู้ที่ถือศีลกินเจ รวมทั้งผู้ที่ชอบรับประทานอาหารเจนั้น น่าจะเคยเห็นอาหารหลากหลายทั้งจานผัก และจานที่มีความคล้ายเนื้อสัตว์อย่างน่าประหลาดใจ บทความนี้จะมาค้นหาว่าอาหารที่มีลักษณะหรือเนื้อสัมผัสคล้ายเนื้อสัตว์นั้นทำมาจากอะไรบ้าง …

ภาพหมี่กึง จากเว็บไซต์พันทิพ

เครดิตภาพสมาชิก “good moments”

ภาพอาหารจากหมี่กึง จากเว็บไซต์ cookpad

เครดิตภาพจากสมาชิก @ratsri555

เคยได้ยินชื่อหรือรับประทาน “หมี่กึง” กันบ้างหรือไม่ ? หมี่กึง หรือ seitan คือโปรตีนกลูเตนในข้าวสาลี ผลิตโดยนำแป้งสาลีผสมน้ำและนวดจนได้เป็นก้อนกลูเต็นที่มีเนื้อสัมผัสเหนียวคล้ายเนื้อสัตว์ เนื่องจากในแป้งสาลีมีโปรตีนสองชนิดคือ โปรตีนกลูเตนิน (glutenin) และไกลอะดิน (gliadin) ที่เมื่อละลายน้ำแล้วโปรตีนสองชนิดจะรวมกันเป็นกลูเต็นนั่นเอง ซึ่งหมี่กึงนับเป็นวัตถุดิบยอดนิยมได้รับความนิยมในอาหารที่ต้องการทดแทนโปรตีนจากเนื้อสัตว์ โดยเฉพาะในอาหารมังสวิรัติและเจ

หมี่กึงสามารถทำได้ง่ายในครัวที่บ้าน โดยใช้วัตถุดิบหลักเพียงแป้งสาลี และ น้ำ โดยใช้แป้งสาลีประมาณ 1 กิโลกรัม ผสมกับน้ำสะอาด 2 ถ้วย จนแป้งจับตัวเป็นก้อนเหนียว จากนั้นนวดแป้งที่ผสมให้เข้ากันดีเพื่อให้เกิดกลูเต็น ต่อมานำแป้งที่นวดไปล้างน้ำเพื่อแยกแป้งสาลีส่วนที่เป็นคาร์โบไฮเดรตออก เหลือเพียงส่วนที่เป็นกลูเตนเหนียวและนำมาปั้นเป็นก้อนหรือรูปแบบตามที่ต้องการ จากนั้นนำหมี่กึงไปต้มในน้ำเดือดเป็นเวลาประมาณ 30-60 นาที จนกระทั่งหมี่กึงฟูและเหนียว หลังจากต้มแล้วให้นำหมี่กึงขึ้นจากน้ำ พักให้เย็นและสามารถนำไปปรุงอาหารตามต้องการ

สำหรับน้ำแป้งที่แยกออกมาจากกลูเต็นนั้นสามารถนำไปประกอบอาหารอื่น เช่น ฮะเก๋า ได้อีกด้วย และเนื่องจากหมี่กึงมีสารอาหารหลักคือโปรตีน (26.79 กรัม/หมี่กึง100 กรัม) เนื่องจากผลิตจากกลูเตน แต่มีไขมันและคาร์โบไฮเดรตต่ำ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมอาหาร กินมังสวิรัติ หรือทานโปรตีนจากพืช  แต่สำหรับผู้ที่มีอาการแพ้กลูเต็นควรหลีกเลี่ยงการบริโภคหมี่กึงเพื่อป้องกันการเกิดอาการไม่พึงประสงค์

ภาพโปรตีนเกษตรเดียว

จากเว็บไซต์ IFRPD

ภาพโปรตีนเกษตรผัดพริกขิง

จากเว็บไซต์ cookpad

เครดิตภาพจากสมาชิก @vegan

ภาพโปรตีนเกษตรแดด

จากเว็บไซต์พันทิพ

เครดิตภาพจากสมาชิก “กัมบอล”

วัตถุดิบยอดนิยมอีกชนิดสำหรับช่วงเทศกาลกินเจและสำหรับผู้กินอาหารมังสวิรัติคือ โปรตีนเกษตร ซึ่งมีที่มาจากการคิดค้นเพื่อแก้ปัญหาทุพโภชนาการของประชากรในประเทศไทย โดย ศาสตราจารย์อมร ภูมิรัตน์ได้ค้นคว้าวิจัยร่วมกับสถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยแนวคิดเบื้องต้นคือการผลิตโปรตีนจากผลิตผลทางการเกษตรที่มีอยู่มากมายและราคาไม่แพง เช่นถั่วเหลือง หรือโปรตีนจากถั่วเขียวที่เป็นผลพลอยได้จากผลิตภัณฑ์วุ้นเส้น

แต่ในปัจจุบันได้ปรับวัตถุดิบเป็นปรับวัตถุดิบให้เหมาะสมคือแป้งถั่วเหลืองสกัดไขมัน (defatted soy flour) เพื่อให้เหมาะกับวิธีการผลิตที่เปลี่ยนให้ทันสมัยมากขึ้นด้วยวิธี Thermoplastic Extrusion process โดยใช้เครื่องคุกเกอร์เอ็กซทรูเดอร์ (Cooker Extruder) นั่นเอง สำหรับปริมาณโปรตีนในโปรตีนเกษตรนั้น คือ 49.76 กรัม/โปรตีนเกษตร 100 กรัม และมีสารอาหารอื่นๆ เช่น คาร์โบไฮเดรต ใยอาหาร เป็นต้น ในปัจจุบันสถาบันฯ ผลิตโปรตีนเกษตรหลากหลายรูปแบบเพื่อตอบสนองต่อความต้องการประกอบอาหารที่หลากหลายมากขึ้น

แม้ว่าหมี่กึงและโปรตีนเกษตรจะให้โปรตีนสูง แต่การบริโภคในแต่ละมื้อ ควรจะจัดสำรับให้อาหารครบทุกหมู่ เพื่อป้องกันการขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย รวมถึงออกกำลังกายอย่างเหมาะสมเพื่อสุขภาพที่แข็งแรงหากไม่แน่ใจได้รับสารอาหารเพียงพอในแต่ละวันหรือไม่ ขอชวนมาทบทวนกันสักนิดว่าในหนึ่งมื้อหนึ่งวันเราควรรับประทานสารอาหารอะไรบ้างกับเกม EatD ที่ส่งเสริมการเรียนรู้เรื่องสารอาหารและการรับประทานอาหารที่เหมาะสม สามารถดาวน์โหลดเกมได้ที่ลิงก์ https://www.scimath.org/mobile-application/item/10914-eatd

อ้างอิง :

ที่มาของภาพประกอบ :


ส่งข้อความถึงเรา
Skip to content