
“STEM” ย่อจากภาษาอังกฤษของ 4 สาขาวิชา ได้แก่ วิทยาศาสตร์ (Science) เทคโนโลยี (Technology) วิศวกรรมศาสตร์ (Engineering) และคณิตศาสตร์ (Mathematics) เพื่อนำไปสู่การคิดแก้ปัญหาและสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ในชีวิตประจำวันและการทำงาน รวมทั้งมุ่งผลิตกำลังคนทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี ให้สามารถแข่งขันได้ในระดับนานาซาติ และสร้างผู้ประกอบการเทคโนโลยีในอนาคต
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ได้ให้ความสำคัญ และมีส่วนในการผลักดันให้เกิดสะเต็มศึกษาขึ้นในประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ. 2556 โดยมีการจัดตั้งศูนย์สะเต็มศึกษาแห่งชาติ และสร้างเครือข่ายความร่วมมือด้านสะเต็มศึกษากับ สพฐ. ในการพัฒนาครู และริเริ่มการให้รางวัลครูดีเด่นสะเต็มศึกษา (Thailand STEM Teacher Awards) ในปี พ.ศ. 2557
ผลการผลักดันจากหลายภาคส่วน ทำให้ในปี พ.ศ. 2560 จึงมีประกาศให้สะเต็มศึกษา เป็นส่วนหนึ่งในแนวทางการขับเคลื่อนตามแผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2579 และเป็นโยบายรัฐบาลรวมทั้งนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการในปัจจุบัน
ดร.พรชัย อินทร์ฉาย รักษาการผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) กล่าวว่า สสวท. ได้ดำเนินงานด้านสะเต็มศึกษามาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ซึ่ง ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการที่กำกับดูแล สสวท. ได้มอบนโยบาย 7 โครงการสำคัญ (Quick Win 7+) ซึ่งนโยบายสำคัญที่เกี่ยวข้องกับ สสวท. ได้แก่ การสร้างมิติใหม่การศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ ผสานศาสตร์และศิลป์ เปลี่ยน STEM เป็น STEAM โดย “STEAM” A คือ Art of life ศาสตร์ในการใช้ชีวิต ที่มีคุณธรรมจริยธรรม มีจิตอาสาและช่วยเหลือผู้อื่นประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวัน ผ่านโครงการวิทยาศาสตร์พลังสิบ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ สร้างพลเมืองทางวิทยาศาสตร์ (Citizen science) ขยายโอกาสให้นักเรียนได้เรียนวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมอย่างกว้างขวาง โดยเน้นการจัดการเรียนการสอนที่เน้นการปฏิบัติ ประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวัน และโครงการยกระดับการศึกษารอบด้าน เปลี่ยนรูปแบบการเรียนการสอน ปรับการประเมินผล เพื่อให้เป็นไปตามรูปแบบที่เหมาะสมในศตวรรษที่ 21 โดยนับตั้งแต่ สสวท. เริ่มขับเคลื่อนงานด้านสะเต็มศึกษามาจนปัจจุบัน ภารกิจสำคัญของ สสวท. ตั้งอยู่บนฐานของการนำสะเต็มศึกษาไปประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนการสอนของครูและกิจกรรมการเรียนรู้ของนักเรียนมาโดยตลอดทั้งการพัฒนาหลักสูตร สื่อการเรียนรู้ การพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา การพัฒนาผู้มีความสามารถพิเศษเป็นต้น

รักษาการผู้อำนวยการ สสวท. เล่าถึงผลงานการขับเคลื่อนการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีด้วย STEAM เพื่อการเรียนรู้ฐานสมรรถนะในปี 2565 ดังนี้ การส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการเรียนการสอนด้านวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมตามแนวทาง สสวท. (GLOBE) โดยพัฒนาครูและนักเรียนสอดคล้องกับการเรียนรู้ฐานสมรรถนะที่ทำให้นักเรียนสามารถนำไปแก้ปัญหาในท้องถิ่น ตลอดจนแก้ปัญหาของประเทศ ส่งเสริมการใช้ชีวิตให้สอดคล้องกับธรรมชาติ และพัฒนาสิ่งแวดล้อมความยั่งยืนของธรรมชาติในอนาคต ในปี 2565 สสวท. มีเป้าหมายจะพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา ผ่านการร่วมกิจกรรมในโครงการ 540 คน นักเรียน 500 คน โรงเรียนเข้าร่วมโครงการอย่างน้อย 100 แห่ง มหาวิทยาลัยและหน่วยงานที่เครือข่าย 26 หน่วยงาน ผลงานวิจัยและโปสเตอร์งานวิจัยวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมระดับโรงเรียน อย่างน้อย 100 ผลงาน รวมไปถึงจัดทำ E-book สื่อส่งเสริมสมรรถนะการเรียนรู้วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม และอบรมครูด้านการเรียนรู้การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและวิทยาศาสตร์โลกทั้งระบบ ในรูปแบบออนไลน์ 460 คนฝ่ายสื่อสารภาพลักษณ์องค์กร สสวท.


การพัฒนานักเรียนอย่างมีคุณภาพด้วยการจัดประสบการณ์เรียนรู้ STEAM โดยบูรณาการกับ 4 หน่วยงาน โดยพัฒนาครูผู้สอนให้มีความสามารถในการจัดการเรียนรู้ให้ห้องเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อตอบสนองต่อนโยบายการสร้างกำลังคนให้มีความรู้และทักษะด้าน STEAM และทักษะจำเป็นต่าง ๆ ในศตวรรษที่ 21 ปี 2565 สสวท. ได้พัฒนาหลักสูตรอบรมครู และกำลังเตรียมจัดอบรมครูผู้สอนโรงเรียนในสังกัด สพฐ. สช. สถ. และ กทม. ให้มีความรู้ความเข้าใจและสามารถจัดประสบการณ์เรียนรู้ที่เน้นสมรรถนะสำคัญ 50,000 คน รวมทั้งสนับสนุนเอกสารและสื่อประกอบการอบรมครู


การเพิ่มศักยภาพครูให้มีสมรรถนะของครูยุคใหม่สำหรับการเรียนรู้ศตวรรษที่ 21 โดยร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฏ 38 แห่งทั่วประเทศ พัฒนาครูเพื่อจัดการเรียนการสอนฐานสมรรถนะในทุกพื้นที่ของประเทศ มีเป้าหมาย 1,000 คน ในปี 2565 และพัฒนานวัตกรรมการศึกษาในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา 8 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ กาญจนบุรี ศรีสะเกษ ระยอง สตูล ยะลา ปัตตานี นราธิวาส ร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ กิจกรรมล่าสุด ดร. คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานในพิธีเปิดศูนย์การเรียนรู้ของโรงเรียนในพื้นที่เกาะจังหวัดสตูล ณ โรงเรียนบ้านเกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการจุดประกายการจัดกระบวนการเรียนรู้ด้วย STEAM Education ให้แก่ครูและบุคลากรทางการศึกษาในท้องถิ่น รวมทั้งนำร่องพัฒนาต้นแบบการจัดการเรียนการสอนฐานสมรรถนะให้แก่โรงเรียน เช่น หลักสูตร “สุภาพบุรุษ ปทุมคงคาฐานสมรรถนะ” โรงเรียนปทุมคงคา


ทั้งนี้ การสร้างมิติใหม่การศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ ผสานศาสตร์และศิลป์ เปลี่ยน STEM เป็น STEAM ของ สสวท. ตามนโยบายของ รมช. ศธ. ยังคงจะดำเนินการต่อเนื่องในปี 2566 โดยเน้นพัฒนาสมรรถนะในจัดการเรียนรู้ตามแผนปฏิบัติการระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2566–2570) ของ สสวท. โดย STEAM จะแทรกอยู่ในการส่งเสริมกระบวนการจัดการเรียนรู้ของครูผู้สอนผ่านการพัฒนาครูตามหลักสูตรต่าง ๆ