
ในวาระที่พสกนิกรชาวไทยน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ผู้เขียนระลึกถึงหนึ่งในพระราชดำรัสที่ลึกซึ้งและเปี่ยมไปด้วยความหมายทางนิเวศวิทยามากที่สุดบทหนึ่ง ซึ่งสะท้อนถึงพระราชปณิธานอันแน่วแน่ในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติของชาติ ซึ่งพระราชดำรัสบทนั้นคือความจริงที่เชื่อมโยง “ศาสตร์” แห่งน้ำและป่าไว้อย่างสมบูรณ์

“พระเจ้าอยู่หัวเป็นน้ำ ฉันจะเป็นป่า ป่าที่ถวายความจงรักภักดีต่อน้ำ พระเจ้าอยู่หัวสร้างอ่างเก็บน้ำ ฉันจะสร้างป่า”
— พระราชดำรัสสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงพระราชทานเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2525 ณ บ้านถ้ำติ้ว อำเภอส่องดาว จังหวัดสกลนคร
พระราชดำรัสนี้แสดงให้เห็นถึงหลักการทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ขาดกันไม่ได้ระหว่าง “ป่า” และ “น้ำ” ป่าไม้ทำหน้าที่เป็นปราการธรรมชาติ ดูดซับน้ำฝน ชะลอการไหลบ่า และกักเก็บน้ำไว้ใต้ดิน ในขณะที่ “อ่างเก็บน้ำ” ที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงมีพระราชดำริให้สร้างขึ้นนั้น คือการบริหารจัดการ “น้ำ” ที่ “ป่า” รวบรวมไว้เพื่อประโยชน์สุขของอาณาราษฎร

ภาพเขื่อนสิริกิติ์ จาก https://khunsaicholvilla.egat.co.th/skdam/
เขื่อนสิริกิติ์: อ่างเก็บน้ำแห่งพระบรมราชชนนีพันปีหลวง
หนึ่งใน “อ่างเก็บน้ำ” ที่เป็นประจักษ์พยานแห่งพระราชปณิธานนี้ คือ เขื่อนสิริกิติ์ ซึ่งได้รับพระบรมราชานุญาตให้อัญเชิญพระนามาภิไธย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาท พระบรมราชชนนีพันปีหลวงเป็นนามของเขื่อนเมื่อปี พ.ศ. 2511
เขื่อนสิริกิติ์ เดิมชื่อว่า “เขื่อนผาซ่อม” เป็นโครงการพัฒนาลุ่มน้ำน่านอันเป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาลุ่มน้ำเจ้าพระยา เขื่อนนี้เป็นเขื่อนดินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ตั้งปิดกั้นแม่น้ำน่านที่บริเวณเขาผาซ่อม ตำบลผาเลือด อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ แผนพัฒนาลุ่มน้ำน่านนั้นมุ่งใช้ประโยชน์จากน้ำอย่างเต็มที่ โดยวางแผนแบบบูรณาการตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ กำหนดระบบจัดเก็บและใช้น้ำให้เกิดประโยชน์หลากหลาย รวมทั้งจัดลำดับขั้นตอนการพัฒนาให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ในแต่ละช่วง เนื่องจากทุ่งราบสองฝั่งแม่น้ำน่านประสบปัญหาน้ำท่วมเป็นประจำ การพัฒนาจึงต้องสร้างเขื่อนเก็บน้ำก่อนเขื่อนทดน้ำและระบบส่งน้ำ เพราะหากสร้างเขื่อนทดน้ำและระบบส่งน้ำก่อน น้ำท่วมจะสร้างความเสียหายทั้งต่อการเพาะปลูกและโครงสร้างก่อสร้าง ดังนั้นจึงสร้างเขื่อนสิริกิติ์ซึ่งเป็นเขื่อนเก็บน้ำขึ้นเป็นลำดับแรก
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2514 โดยเขื่อนแล้วเสร็จและเริ่มกักเก็บน้ำได้ในปี พ.ศ. 2515 และเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดเขื่อนอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2520
ประโยชน์ของเขื่อนสิริกิติ์นั้นมีหลายประการ ได้แก่
- การชลประทาน เป็นแหล่งน้ำสำคัญที่หล่อเลี้ยงพื้นที่เพาะปลูกในสองฝั่งแม่น้ำน่าน และต่อเนื่องไปจนถึงที่ราบลุ่มเจ้าพระยาในฤดูฝนและฤดูแล้ว
- การผลิตกระแสไฟฟ้าพลังน้ำ เป็นแหล่งพลังงานสะอาดที่สำคัญของประเทศ โดยน้ำที่ปล่อยออกจากเขื่อนสำหรับการชลประทานจะผ่านเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ให้พลังงานไฟฟ้าถึง 500,000 กิโลวัตต์
- การประมง เป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์น้ำจืดที่สำคัญ เพราะ กฟผ.ได้นำพันธุ์ปลาน้ำจืดปล่อยลงอ่างเก็บน้ำจำนวนมาก เป็นการเสริมรายได้ให้ประชาชนที่พักอาศัยในบริเวณใกล้เคียง
- การบรรเทาอุทกภัย ช่วยชะลอและกักเก็บน้ำหลากในฤดูฝน ลดความรุนแรงของน้ำท่วมในพื้นที่ท้ายน้ำ
- การท่องเที่ยวและการคมนาคมทางน้ำ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีทิวทัศน์สวยงาม มีความหลากหลายของธรรมชาติ นอกจากนี้การคมนาคมทางน้ำไปจังหวัดน่านจากบริเวณเหนือเขื่อนนั้นดำเนินการได้ตลอดปี
เขื่อนสิริกิติ์เป็น “อ่างเก็บน้ำ” ที่รองรับ “น้ำ” ซึ่งมาจาก “ป่า” คือพื้นที่ป่าต้นน้ำในจังหวัดน่านและอุตรดิตถ์ การที่อ่างเก็บน้ำนี้จะทำงานได้อย่างยั่งยืน “ป่า” ที่อยู่โดยรอบและเหนือเขื่อนจะต้องสมบูรณ์แข็งแรง
รู้หรือไม่ !?!
เขื่อนดินคือเขื่อนที่สร้างด้วยดินบดอัดแน่น โดยใช้ดินทึบน้ำเป็นวัสดุหลัก มี 2 ประเภท ได้แก่ เขื่อนเนื้อเดียวที่ใช้ดินเหนียวตลอดทั้งตัว และเขื่อนแบบแบ่งโซนที่มีแกนกลางเป็นดินเหนียว มีชั้นกรองเป็นทรายหรือกรวด และปิดทับด้วยหินเรียงป้องกันคลื่น
เขื่อนสิริกิติ์เป็นเขื่อนดินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ตั้งอยู่ที่อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ มีสันเขื่อนสูง 133.60 เมตร ยาว 810 เมตร และสามารถเก็บน้ำได้ 9,510 ล้านลูกบาศก์เมตร นอกจากนี้ยังมีเขื่อนดินสำคัญอื่นๆ เช่น เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และเขื่อนดินช่องเขาขาดที่ช่วยเสริมเขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนลำ ตะคอง เขื่อนแก่งกระจาน
จาก “ป่า” สู่การ “ปกปักทรัพยากร” อพ.สธ.
การดูแลแหล่งน้ำไม่สามารถแยกจากการดูแลป่าไม้ ดังที่พระราชดำรัสว่า “พระเจ้าอยู่หัวสร้างอ่างเก็บน้ำ ฉันจะสร้างป่า” งานอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติจึงเป็นภารกิจสำคัญที่สืบเนื่องมาจากพระราชปณิธานของล้นเกล้าฯทั้งสองพระองค์ โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.) ได้ดำเนินงานในแนวทางการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกิจกรรมที่ 1 กิจกรรมปกปักทรัพยากร ของโครงการนั้น มีเป้าหมายเพื่อสำรวจและปกปักทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ในพื้นที่ต่างๆที่เข้าร่วมสนองพระราชดำริ ซึ่งกิจกรรมนี้จัดเป็นการสร้างป่าในเชิงของการทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าใน “ป่า” หรือพื้นที่ธรรมชาติที่จักเป็นธนาคารพันธุกรรมธรรมชาตินั้น มีองค์ประกอบใดอาศัยอยู่บ้าง การสำรวจนี้ไม่ได้หยุดอยู่แค่ต้นไม้ หรือสัตว์ในพื้นที่เท่านั้น แต่ครอบคลุมไปถึงสิ่งมีชีวิตหลากหลาย รวมถึงสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่มักถูกมองข้ามแต่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อระบบนิเวศ นั่นคือ “เห็ดรา”
เห็ดรา: ผู้พิทักษ์แห่งผืนป่า
หลายคนอาจสับสนว่าเห็ดราคืออะไร เป็นพืชหรือไม่ ขออธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ดังนี้ เห็ดรา (Fungi) ไม่ใช่พืช ไม่มี “คลอโรฟิลล์” จึงไม่สามารถสังเคราะห์แสงหรือสร้างอาหารเองได้ และเห็ดราก็ไม่ใช่สัตว์ แต่เห็ดราอยู่ในอาณาจักรสิ่งมีชีวิตของตัวเอง คือ อาณาจักรฟังไจ (Kingdom Fungi) ที่ดำรงชีวิตเสมือนเป็นหน่วยรีไซเคิลของผืนป่า
หน้าที่หลักของเห็ดราส่วนใหญ่ คือการเป็น “ผู้ย่อยสลาย” (Decomposer) โดยปล่อยเอนไซม์ออกมาเพื่อย่อยสลายซากพืช ซากสัตว์ หรืออินทรียวัตถุที่ตายแล้ว ให้กลายเป็นแร่ธาตุและสารอาหารโมเลกุลเล็กๆ แล้วจึงดูดซึมสารอาหารนั้นเข้าไปใช้ หากไม่มีเห็ดรา โลกนี้จะเต็มไปด้วยซากใบไม้และซากสัตว์ทับถมกันจนเดินไม่ได้ และที่สำคัญสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช เช่น ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส ก็จะถูกกักเก็บไว้ในซากเหล่านั้น ไม่ถูกปลดปล่อยกลับคืนสู่ดิน “ป่า” ก็จะไม่สามารถ “สร้าง” กลับขึ้นมาใหม่ได้
นอกจากเป็นผู้ย่อยสลายแล้ว เห็ดราหลายชนิดมีความสัมพันธ์แบบพึ่งพากันกับรากของต้นไม้ ช่วยดูดซึมน้ำและธาตุอาหารจากดินให้กับต้นไม้ได้ดีขึ้น ในขณะที่เห็ดราได้รับธาตุอาหารจากการสังเคราะห์แสงของต้นไม้ นอกจากนี้เรายังนิยมบริโภคเห็ดหลายชนิดที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง เป็นแหล่งอาหารและรายได้ของชุมชนท้องถิ่น เช่น เห็ดถอบ เห็ดโคน ซึ่งความหลากหลายของเห็ดราสะท้อนถึงสภาพของระบบนิเวศป่า ป่าที่สมบูรณ์จะมีเห็ดราหลากหลายชนิด จากประสบการณ์ของผู้เขียนที่ไปสำรวจที่เขื่อนสิริกิติ์ในช่วงปี พ.ศ. 2554 ทำให้รับทราบว่าป่าของเขื่อนสิริกิติ์มีความอุดมสมบูรณ์ พบเห็ดราหลากหลายชนิด ตัวอย่างเช่น

(ภาพถ่ายเมื่อเดือนกันยายน 2554)
เห็ดกรวยทองตะกู
ชื่อวิทยาศาสตร์ Microporus xanthopus (Fr.) Kuntze
เห็ดชนิดนี้พบได้ทั่วไปในพื้นที่เขื่อนสิริกิตติ์ ซึ่งเห็ดเหล่านี้สามารถนำไปเป็นของประดับตกแต่งบ้าน แต่ในพื้นที่เห็ดกลุ่มนี้สามารถย่อยสลายไม้ ทำให้เกิดการคืนธาตุอาหารกลับคืนสู่ป่า
เห็ดปะการัง
ในช่วงเดือนกันยายน พบเห็ดปะการังมากมายหลายชนิด ณ เขื่อนสิริกิติ์ ในภาพเป็นหนึ่งในเห็ดปะการังที่ได้พบ ซึ่งเห็ดชนิดนี้มักพบเจริญบนพื้นดินในป่า มีหลากหลายสี ทั้งสีขาว สีแดง สีน้ำตาล สีส้ม สวยงามเป็นอย่างมาก
สำหรับที่มาของชื่อเห็ดปะการัง เนื่องมาจากลักษณะการเจริญของเห็ดที่แตกกิ่งก้านคล้ายกับปะการังในทะเล
เห็ดนี้นอกจากสวยงามแล้ว ยังเป็นผู้ย่อยสลาย และจากการสืบค้นเอกสารพบว่าในบางพื้นที่มีการบริโภคเห็ดนี้ด้วย


(ภาพถ่ายเมื่อเดือนกันยายน 2554)

(ภาพถ่ายเมื่อเดือนกันยายน 2554)
เห็ดร่างแห หรือ เห็ดเยื่อไผ่
ชื่อวิทยาศาสตร์ Phallus indusiatus Vent.
เห็ดชนิดนี้มีจุดเด่นที่กลิ่น โดยหมวกเห็ดด้านบนจะมีเมือกสีน้ำตาลซึ่งมีสปอร์อยู่ ซึ่งเมือกนี้ส่งกลิ่นแรงไปตามลมเพื่อล่อแมลงให้เข้ามาตอมและช่วยกระจายสปอร์ของเห็ดร่างแหไปยังบริเวณอื่นๆ
หลายคนอาจจะเคยลิ้มรสซุปเยื่อไผ่ แต่ทราบหรือไม่ว่าเยื่อไผ่นั้นไม่ได้มาจากไผ่ แต่มาจากเห็ดเยื่อไผ่หรือเห็ดร่างแห
จากภาพ พอเดาออกหรือไม่ว่าเยื่อไผ่ที่เรารับประทานกันนั้นคือส่วนไหนของเห็ด 😊 แท้จริงแล้วที่เรารับประทานคือส่วนของก้านดอกเห็ดนั่นเอง ซึ่งก้านเห็ดชนิดนี้มีลักษณะตั้งตรง มีรูพรุน สำหรับเห็ดร่างแหที่นิยมนำมาประกอบอาหาร คือเห็ดร่างแหกระโปรงยาวสีขาว และเห็ดร่างแหกระโปรงสั้น
เห็ดตีนตุ๊กแก หรือ เห็ดแครง
ชื่อวิทยาศาสตร์ Schizophyllum commune Fr.สามารถพบเห็ดชนิดนี้ในทุกภาคของประเทศไทย เห็ดชนิดนี้มีรูปทรงสวย ลักษณะดอกเห็ดเป็นทรงพัด ก้านสั้น จากที่ได้ศึกษาเพิ่มเติมพบว่าเห็ดแครงเป็นเห็ดที่มีคนนิยมมาก เนื่องจากโปรตีนสูง นับเป็นอาหารแห่งอนาคต ผู้เขียนเคยไปห้างสรรพสินค้าและพบเห็ดตีนตุ๊กแกวางขายมีราคาค่อนข้างสูงทีเดียว นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยที่บ่งชี้ถึงคุณค่าของเห็ดแครง และ รายงานของคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล พบสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพในเห็ดตีนตุ๊กแกซึ่งมีผลกับระบบภูมิคุ้มกันอีกด้วย

(ภาพถ่ายเมื่อเดือนกันยายน 2554)
เห็ดหูหนู
ชื่อวิทยาศาสตร์ Auricularia auricula-judae (Bull.) J.Schröt.
เห็ดหูหนูพบได้ทั่วไปบนท่อนไม้หรือขอนไม้ผุในพื้นที่เขื่อนสิริกิติ์ ลักษณะของเห็ดเป็นแผ่นนิ่ม เหมือนใบหู ซึ่งเป็นเห็ดที่นิยมนำมาบริโภคโดยทั่วไปอยู่แล้ว มีประโยชน์มากมายทั้งต่อระบบขับถ่าย ระบบไหลเวียนโลหิต

(ภาพถ่ายเมื่อเดือนกันยายน 2554)

(ภาพถ่ายเมื่อเดือนกันยายน 2554)
เห็ดรังนก
พบได้หลายสายพันธุ์ โดยสายพันธุ์ในภาพคือ Cyathus sp.
เห็ดชนิดนี้น่าสนใจที่รูปทรงเช่นกัน ดอกเห็ดมีลักษณะคล้ายรังนกเล็กๆ ข้างในมีเม็ดกลมเล็กๆที่คล้ายกับไข่นก ซึ่งเม็ดกลมดังกล่าวทำหน้าที่บรรจุสปอร์ เมื่อฝนตกหรือมีน้ำกระทบในถ้วยเห็ดนั้น ตัวเม็ดกลมจะกระเด็นออกไปที่ข้างนอก ซึ่งเป็นกลไกในการช่วยการกระจายสปอร์ของเห็ดรังนก ส่วนผิวด้านนอกของดอกเห็ดนี้จะเป็นขนหยาบ สามารถพบเห็ดชนิดนี้ได้บนท่อนไม้ผุ ช่วยย่อยสลายไม้และเศษซากพืชซึ่งเป็นการหมุนเวียนธาตุอาหารในระบบนิเวศของป่า
Xylaria sp.
ราขนาดใหญ่ในกลุ่ม Ascomycetes เช่นเดียวกับ Daldinia sp. ซึ่งรานี้เป็นราย่อยสลายไม้ที่จะทำหน้าที่ในการย่อยสลายท่อนไม้ ซากพืชเพื่อรีไซเคิลธาตุอาหารกลับไปในป่า รา Xylaria บางชนิดสามารถสร้างสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพที่มีประโยชน์มากมาย เช่น สารต้านจุลินทรีย์ โดยทั่วไปไม่นิยมนำมาบริโภค

(ภาพถ่ายเมื่อเดือนกันยายน 2554)

(ภาพถ่ายเมื่อเดือนกันยายน 2554)
Daldinia sp.
ราชนิดนี้เป็นราขนาดใหญ่ ในกลุ่ม Ascomycetes ซึ่งสร้างสปอร์ (ascospores) ในถุงใส่สปอร์ (ascus) หากเราผ่าราชนิดนี้ จะพบว่าข้างในเป็นวงคล้ายๆวงปีของต้นไม้ เรียกว่า concentric zones รา Daldinia นี้เป็นราย่อยสลายไม้ชนิดหนึ่ง ทำหน้าที่ในการย่อยสลายซากพืชให้เป็นธาตุอาหารในป่า
พื้นที่ป่าโดยรอบเขื่อนสิริกิติ์มีความอุดมสมบูรณ์ เป็นป่าเบญจพรรณและป่าดิบเขา โอบล้อมด้วยภูเขา มีความชุ่มชื้นเหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของเห็ดราหลากหลายชนิด ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของระบบนิเวศป่า เห็ดราเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความหลากหลายทางชีวภาพและความสมบูรณ์ของระบบนิเวศป่ารอบเขื่อนสิริกิติ์ การที่เห็ดราหลากหลายชนิดเป็นตัวบ่งชี้ว่าป่าในพื้นที่นี้มีความอุดมสมบูรณ์ มีความสมดุลของธรรมชาติ และสามารถหล่อเลี้ยงแหล่งน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสอดคล้องกับพระราชปณิธานที่ว่า “ป่า” ทำหน้าที่ถวายความจงรักภักดีต่อ “น้ำ”
จากป่า สู่ น้ำ สู่ชีวิต
ผู้เขียนขอน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ผ่านการทำความเข้าใจและสานต่อพระราชปณิธานของพระองค์ โดยพระราชดำรัสที่ตรัสว่า “พระเจ้าอยู่หัวเป็นน้ำ ฉันจะเป็นป่า” มิใช่เพียงพระราชดำรัสอันงดงามเท่านั้น แต่ทรงสะท้อนถึงพระปรีชาญาณอันลึกซึ้งในความเกี่ยวพันธ์ระหว่าง “ป่า” ที่พระองค์ทรงอุทิศพระวรกายเพื่อสร้างและอนุรักษ์ กับ “น้ำ” ที่กักเก็บใน “อ่างเก็บน้ำ” อย่างเขื่อนสิริกิติ์ ซึ่งมีความสำคัญทางวิทยาศาสตร์อย่างยิ่งยวด การสืบสานพระราชปณิธานผ่านงานด้านการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ ทำให้ได้เรียนรู้ว่าสรรพสิ่งทุกอย่างในผืนป่าล้วนมีความเกี่ยวเนื่องถึงกัน ตั้งแต่น้ำ ป่า สัตว์ พรรณพืช ไปจนถึงเห็ดราซึ่งแม้จะมีบทบาทเล็กน้อยในฐานะผู้ย่อยสลาย แต่ก็เป็นองค์ประกอบที่ขาดเสียมิได้ ซึ่ง “ป่า” จะสมบูรณ์ไม่ได้เลยหากขาดสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ ทั้งหมดนี้คือวงจรแห่งชีวิตที่เชื่อมโยงกันอย่างแยกไม่ออก ดังที่พระราชดำรัสของพระองค์ได้ทรงชี้แนะไว้เมื่อหลายสิบปีก่อน และในภาวะปัจจุบันที่โลกเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ การที่เราตระหนัก รู้คุณค่า และหันมาอนุรักษ์ป่าและน้ำอย่างจริงจังย่อมเป็นหนทางสำคัญสำหรับมวลมนุษยชาติในโลกที่มีความผันผวนนี้
เรียนรู้เพิ่มเติม :
- เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จากลิงก์ https://www.ipst.ac.th/knowledge/26386/sci-902.html
- เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเห็ดราได้จากโปรเจคต์ 14 (หนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชีววิทยา ม.6 เล่ม 6) หัวข้อหลัก “ความหลากหลายทางชีวภาพ” เรื่อง “กลุ่มยูแคริโอต : ฟังไจ” ลิงก์https://proj14.ipst.ac.th/m4-6-biology/m6-bio-book6/bio-m6b6-007/
ผู้เขียน: นัฏฐพร รุจิขจร ฝ่ายทรัพยากรบุคคล พัฒนาและสื่อสารองค์กร (nruch@ipst.ac.th)
อ้างอิง :
- Mushroom Steve. (ม.ป.ป.). Earthstar fungus releasing spores. https://youtu.be/O_M20WspZEc?si=7claU82Ev7FnYOF6 เข้าถึงข้อมูลวันที่ 28 พฤศจิกายน 2568
- การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.). (ม.ป.ป.). เขื่อนสิริกิติ์. https://www.egat.co.th/sirikit-dam เข้าถึงข้อมูลวันที่ 24 พฤศจิกายน 2568
- กลุ่มพัฒนาสื่อส่งเสริมการเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร. (ม.ป.ป.). เห็ดแครง อาหารแห่งอนาคต. https://youtu.be/Gw85RALZw4c?si=VOlpSMMThXJMOoKP เข้าถึงข้อมูลวันที่ 28 พฤศจิกายน 2568
- โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ (อพ.สธ.). (ม.ป.ป.). กรอบการดำเนินงาน อพ.สธ. – กิจกรรมที่ 1 กิจกรรมปกปักทรัพยากร. https://www.rspg.or.th/activities/index.htm เข้าถึงข้อมูลวันที่ 24 พฤศจิกายน 2568
- ณัฐพงษ์ บุญปอง. คลังความรู้ SciMath. (8 กุมภาพันธ์ 2564). อาณาจักรฟังไจ. https://www.scimath.org/lesson-biology/item/11312-2020-02-18-04-05-10 เข้าถึงข้อมูลวันที่ 24 พฤศจิกายน 2568
- นิวัฒ เสนาะเมือง. 2553. เห็ดป่าเมืองไทย: ความหลากหลายและการใช้ประโยชน์. กรุงเทพฯ: ยูนิเวอร์แซล กราฟฟิค แอนด์ เทรดดิ้ง.
- นฤมล มงคลธนวัฒน์. (2557). เห็ดแครง: เห็ดพื้นบ้านที่มากด้วยคุณค่า. วารสารวิทยาศาสตร์ลาดกระบัง. 23(1): 138-147.
- วิลาส รัตนานุกูล. สาขาชีววิทยา สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (5 มกราคม 2558). มารู้จักเห็ดร่างแห หรือเห็ดเยื่อไผ่กันเถอะ. http://biology.ipst.ac.th/?p=2328 เข้าถึงข้อมูลวันที่ 28 พฤศจิกายน 2568
- รศ.ดร.ภญ.วีณา จิรัจฉยากูล.คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล. (19 ตุลาคม 2559). เบต้ากลูแคนจากเห็ดแครง. https://pharmacy.mahidol.ac.th/th/knowledge/article/361/%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B9%81%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B9%87%E0%B8%94%E0%B9%81%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%87/ เข้าถึงข้อมูลวันที่ 28 พฤศจิกายน 2568
- ห้องสมุดเพื่อเกษตรกรไทย. (12 กันยายน 2568). เห็ดรังนก (Bird’s nest Fungi). https://thaifarmer.lib.ku.ac.th/news/68c39362b5fb8e306692b99d เข้าถึงข้อมูลวันที่ 1 ธันวาคม 2568